หรือจะถึงเวลาเปลี่ยนขั้วยักษ์ใหญ่บอลไทยพรีเมียร์ลีก?

ถึงแม้เวลานี้จะเป็นช่วงหยุดพักการแข่งขันของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จะกลับมาเตะกันอีกครั้งในเดือนกันยายน แต่ถึงจะไม่มีโปรแกรมการแข่งขันก็ยังมีการซื้อขายผู้เล่นกันอย่างเมามันในช่วงนี้จาก 2 ทีมอย่าง สิงห์เจ้าท่า การท่าเรือ เอฟซี และฝั่งของ กระต่ายแก้ว บีจีปทุม ซึ่งทั้ง 2 ทีมทุ่มเงินซื้อแข้งดังเข้ามาเสริมทัพ ประกอบกับนักเตะเก่าก็ยังอยู่กันครบครัน ผิดกับฝั่งยักษ์ใหญ่อีกสองทีมอย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด และ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เสียผู้เล่นกำลังสำคัญออกไป ส่วนฝั่ง สิงห์เชียงราย แชมป์เก่านั้นยังคงซุ่มเงียบอยู่

ส่องขุมกำลังใหม่การท่าเรือ เอฟซี และ บีจีปทุม ใครดีกว่า?

เริ่มจากท่าเรือ ที่จะกลับมาใช้งานกุนซือจเด็จ มีลาภ อีกครั้ง ซึ่งได้ตัวอดิศร พรหมรักษ์ ชาริล ชัปปุย และอดิศักดิ์ ไกรสรมาเสริมทีม ซึ่งทำให้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทั้งตัวจริงและตัวสำรอง เสริมตัวผู้เล่นเยอะขนาดนี้แน่นอนว่าเป้าหมายเดียวของท่าเรือคือต้องการเป็นแชมป์ลีกปีนี้

ฝั่งบีจี ปทุมของโค้ชโอ่ง ดุสิต เฉลิมแสน ขึ้นจากไทยลีก 2 ในฐานะแชมป์ฤดูกาลที่ผ่านมา ได้ผู้เล่นใหม่อย่าง สารัช อยู่เย็นเข้ามาเสริมทัพ โดยน่าจะได้เล่นในแดนกลางร่วมกับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ส่วนเกมรับยังคว้าตัว อันเดรส ตูเญซ แนวรับตัวเก่งสัญชาติ เวเนซูเวร่าจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดมาขันแนวรับ เป้าหมายของโค้งโอ่งอาจจะไม่ใช่การคว้าแชมป์ไทยลีกในทันที แต่คงเป็นการต้องการคว้าแชมป์ใด แชมป์หนึ่ง และ สร้างทีมเตรียมไว้ลุ้นแชมป์เต็มตัวในฤดูกาลต่อไป

เมืองทอง บุรีรัมย์ ยุคเจเนอเรชันใหม่

ในส่วนของเมืองทอง ยูไนเต็ดที่สูญเสียกำลังหลักออกจากทีม จนตอนนี้เหลือนักเตะส่วนใหญ่เป็นดาวรุ่งของทีม น่าสนใจว่าหากไม่มีการเสริมทัพ อเล็กซานโดร กาม่าจะจัดทีมอย่างไร คงต้องรอดูกันต่อไปตอนใกล้วันเปิดฤดูกาลอีกครั้ง

สำหรับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เสีย อันเดรส ตูเญซ ให้บีจีไป จะได้กองหลังตัวต่างชาติใหม่มาเสริม คือ เรนาเต้ เคลิก ส่วนตัวต่างชาติในแนวรุกที่ทำผลงานไม่น่าประทับใจต่างถูกยกเลิกสัญญากันไปแทบหมด แต่ยังไม่มีความชัดเจนในการเสริมทัพเข้ามา ซึ่งดูแล้วการเสริมทัพของบุรีรัมย์คงเน้นที่ตัวต่างชาติเป็นหลัก ส่วนนักเตะไทยก็ยังคงใช้เหล่าดาวรุ่งของทีมเป็นแกนหลักดังเดิม

อดใจรอกลับมาเตะใหม่บอลลีกไทยมันแน่นอน

จากนี้ก็ต้องรอต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกกลับมาเตะกันอีกครั้ง เชื่อว่าแต่ละทีมตอนนี้คงจะได้เตรียมทีมเพื่อรอกลับมาเตะอีกครั้งเพื่อเดินทางตามเป้าหมายของแต่ละทีม สำหรับแฟนบอลแล้วก็คงเป็นกำไร ที่จะได้ดูเกมฟุตบอลที่สนุกเร้าใจขึ้นกว่าเดิมแน่นอน อดใจรออีกไม่กี่อึดใจ